01 บัตรขาว หรือ บัตร SIN (Social Insurance Number) คือบัตรประกันสังคม แคนนาดา
02 บัตรเขียว หรือ บัตร OHIP (Ontairo Health Insurance Plan) คือบัตรสุขภาพ ออนตาริโอ
03 ใบอนุญาตให้ทำงาน หรือ ใบ Work Permit
ThaiCan.ca | Thai Volunteer Outreach of ESSEX-KENT : โครงการอาสาสมัครไทย ESSEX-KENT (Canada) |
|
ข้อควรจำ แรงงานควรได้มีเอกสารสำคัญ 3 อย่างประจำตัวไว้เสมอ คือ
01 บัตรขาว หรือ บัตร SIN (Social Insurance Number) คือบัตรประกันสังคม แคนนาดา 02 บัตรเขียว หรือ บัตร OHIP (Ontairo Health Insurance Plan) คือบัตรสุขภาพ ออนตาริโอ 03 ใบอนุญาตให้ทำงาน หรือ ใบ Work Permit
0 Comments
แรงงานหลายคนไม่พบความสมหวังในการทำงานในแคนนาดา หรือ คับข้องใจต่อการปฎับัติของนายจ้าง หัวหน้างาน หรือ เพื่อนร่วมงาน หากเป็นที่เมืองไทยบ้านเรา ก็คงเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ง่าย เพราะใช้ภาษาเดียวกัน แต่ในแคนนาดา ต้องอาศัย เพื่อนหรืออาสาสมัครผู้รู้ภาษา ช่วยเจรจา
การแก้ไขข้อโต้แย้งระหว่างนายจ้างและลูกจ้างในแคนนาดา ก็มีลักษณะคล้ายหลักการแรงงาน สัมพันธ์ ที่กระทรวงแรงงานไทยใช้ โดยกระทรวงแรงงานออนตาริโอ แคนนาดา จะมีหน่วยงาน สื่อกลางเจรจา หรือ คู่มือให้นายจ้างลูกจ้างทำข้อตกลงแก้ไขข้อขัดแย้งกัน สำหรับหลักการแรงงานสัมพันธ์บ้านเรา มีทั้งวิธีให้เจรจา 2ฝ่าย หรือ 3 ฝ่าย หรือ ใช้เครือข่ายชุมชน เข้าช่วยเจรจา ซึ่งจากประสพการณ์ของกลุ่มอาสาสมัคร คือ การใช้เครื่อข่ายอาสาสมัครชุมชน ช่วยเจรจา ให้ทั้งสองฝ่าย คือนายจ้างลูกจ้างทำงานต่อไปกันได้ดี อย่างไรก็ตามหากถึงที่สุด แรงงานไม่อาจอยู่กับนายจ้างได้แล้ว ตามสัญญาจ้าง มักเขียนไว้ ให้แต่ละฝ่ายบอกเลิกสัญญา ทำงานต่อกัน หรือ ให้มีการลาออกได้ แต่แรงงานไทยเรามักขาดผู้ช่วยแจ้งลาออก หรือ ไม่ทราบว่าจะแก้ปัญหากับนายจ้างอย่างไร ก็มีการหนีสัญญากันไปเลย ซึ่งจะทำให้แรงงานอยู่ในสถานะที่ลำบากได้ ดังนั้นหากทำการลาออกกันได้ด้วยดี ก็จะช่วยให้การติดต่อหางานทำต่อไปไม่ซับซ้อนเกินไป สำหรับแรงงานที่ ต้องออกจากนายจ้างเดิม และอายุของ work permit ยังไม่หมด ก็อาจสมัครเข้าทำงานกับนายจ้างใหม่ได้ ถ้านายจ้างใหม่เขา ทำเรื่องขอแรงงานต่างชาติไว้พร้อมแล้ว หรือ การทำ LMO ถ้าแรงงานย้ายไปทำงานกับนายจ้างอื่นที่ไม่มี LMO หรืออยู่ระหว่างรอนายจ้างดำเนินเรื่องบรรจุชื่อแรงงานใน LMO ก่อนที่จะให้แรงงานเอาไปทำ work permit หากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมาพบก็อาจเดือดร้อนได้ อย่างไรก็ตาม หากแรงงานพักอยู่ที่บ้านไม่ได้ทำงาน เพื่อรอผลการทำ work permit ใหม่ ถ้าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง บุกมาจับก็ให้บอกเจ้าหน้าที่กำลังรอใบ work permit อยู่พร้อมให้เจ้าหน้าที่ดูใบเสร็จการจ่ายค่าธรรมเนียม เขาก็จะเข้าใจและจะไม่มีการจับกุม แต่ให้จำไว้ว่าระหว่างรอ work permit แรงงานจะไม่มีสิทธิทำงานหากโดนจับได้ก็ถือว่าแรงงานทำผิดกฏหมายซึ่งอาจจะมีผลต่อการพิจารณา work permit ที่ท่านได้ยื่นขอไว้แล้ว แรงงานที่มาทำงานส่วนมากได้จ่ายเงินสมทบกองทุนช่วยเหลือแรงงานไทยในต่างประเทศ ไว้ที่กระทรวงแรงงาน จำนวน 500 บาท โดยมีบัตรประจำตัวผู้สมทบทุน ไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจากคู่มือสำนักงานกองทุน ระบุว่า คุณจะสามารถ ขอรับความช่วยเหลือจากทางราชการไทยในประเทศท่าน ไปทำงาน นั้นก็คือสถานฑูตฯไทย แต่ด้วยระบบของทางราชการไทย เงินช่วยเหลือจากกองทุนจริงๆแล้วอยู่ที่กระทรวงแรงงาน ดังนั้นสถานฑูตฯไทย ซึ่งสังกัดกระทรวงต่างประเทศ จะเพียงทำหน้าที่ออกเงินสำรองจ่ายไปให้ก่อน พี่น้องต้องทำหนังสือ ยินดีคืนเงินสำรองจ่ายให้กระทรวงต่างประเทศ เมื่อได้รับเงินชดเชยช่วยเหลือ จากสำนักงานกองทุน กระทรวงแรงงาน
การตายเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่พึ่งปรารถนา แต่หากเกิดขึ้นกับญาติมิตร ก็ควรรู้ว่าจะช่วยกันอย่างไร เช่น
2.1 มีแรงงาน ป่วยตายที่โรงพยาบาล ให้รีบติดต่อญาติที่เมืองไทย เช่น สำนักงานกงสุล กระทรวงต่างประเทศ ในจังหวัด เพื่อทำใบมอบอำนาจให้สถานฑูตฯ ไทยช่วยติดต่อตำรวจ หรือ โรงพยาบาล เพื่อนำศพหลังการชัญสูตรศพแล้วไปทำการฌาปนกิจ ที่แคนนาดาเขาไม่ทำศพที่วัด เหมือนบ้านเรา แต่เขาจะมีธุรกิจบริการจัดฌาปนกิจศพ โดยให้เราเลือกจะเผา หรือ ฝังศพ ผู้ตาย ค่าจัดการศพอาจจะมีตั้งแต่ 1000 เหรียญถึงหลายพันเหรียญถ้ามีพิธีการด้วย โดยส่วนมากญาติผู้ตายจะขอให้จัดการเผา และให้สถานฑูตฯไทย ส่งอัฐิ กลับบ้านให้ 2.2 เพื่อนๆ หรือญาติ ผู้ตายยังต้องคอยติดตามขอให้สถานฑูตฯ ออกใบมรณบัตร (ซึ่งทางสถานฑูตฯ จะระบุสาเหตุการตาย ตามสำนักชัญสูตรศพ ท้องถิ่นในแคนนาดา – มักใช้เวลานาน ) เพื่อนำใบมรณบัตร ไปทำเรื่องขอเบิกเงินชดเชย จากสำนักงานกองทุนฯ หรือ หน่วยงานที่ผู้ตายหรือญาติเป็นสมาชิก และเขามีกองทุนช่วยเหลือต่อไป 2.3 ในการทำหนังสือมอบอำนาจให้สถานฑูตฯ ช่วยเหลือ อาจรวมถึงการติดตามปิดบัญชีเงินฝาก หรือ การรับเงินรายได้ เงินคืนภาษี คืนด้วย ถ้าเพิ่งมาใหม่ ยังไม่มีบัตรสุขภาพออนตาริโอหรือบัตรเขียว เป็นหน้าที่ของนายจ้างตามกฎหมายที่จะจัดทำประกันสุขภาพให้ ทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด หรือเสียบางส่วน หรือไม่ต้องเสียเลย ให้ถามนายจ้างว่าเขามีให้เราหรือไม่
ถ้ามีบัตรสุขภาพแล้ว จะช่วยให้ท่านไม่ต้องเสียค่าตรวจของแพทย์ แต่ต้องเสียค่ายารักษาที่หมอเขียนใบสั่งยาให้ แต่ถ้าเป็นการเจ็บป่วยที่หมอประจำตัว(ถ้ามี) ส่งต่อให้ไปรักษาที่โรงพยาบาล หรือคลีนิคเฉพาะทาง มักจะไม่ต้องเสียค่ารักษาใดใด เพราะมีประกันหรือมีบัตรสุขภาพ กรณีที่ไม่มีบัตรสุขภาพ เพื่อนๆ อาจลองติดต่อสถานฑูตฯ ขอการช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินมาสำรองค่ารักษาพยาบาล (โปรดอ่านรายละเอียดต่อเรื่อง ข้อคิดเรื่องการใช้ประโยชน์จากเงินกองทุนช่วยเหลือแรงงานไทยไปต่างประเทศ) อย่างไรก็ดี หากแรงงานขอให้นายจ้างหรือมีผู้ช่วยติดต่อนักสังคมสงเคราะห์ ประจำโรงพยาบาล เพื่อขอความช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลไปก่อนก็อาจทำได้ (เคยมีแรงงานที่ได้รับความช่วยเหลือเช่นนี้มาบ้างแล้ว) ถ้ามีบัตรสุขภาพ และการเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน ท่านก็สามารถติดต่อ หน่วยงาน WSIB ให้ช่วยจัดการค่ารักษาพยาบาล หรือเงินชดเชยเพราะ ต้องหยุดงานได้ ตัวอย่างได้แก่ อาการปวดหลังจากการทำงาน หรือสูญเสีย อวัยวะ เป็นต้น นายจ้างบางรายอาจยินดีช่วยดูแลรักษาทั้งหมดให้แทนการ ติดต่อขอ ความช่วยเหลือจาก WSIB แต่เราก็มีสิทธิแจ้ง WSIB อยู่ดี ปัญหาที่แรงงานไทยประสบมักขาดผู้รู้ภาษาอังกฤษติดต่อขอความช่วยเหลือ ดังนั้น ลองศึกษาดูว่า มีอาสาสมัครไทยในพื้นที่ ใกล้กับท่านอยู่บ้างหรือไม่ เพื่อให้เขาช่วยเหลือท่าน แต่อย่าลืมว่าอาสาสมัครก็คืออาสาสมัคร เขายินดี ช่วยโดยไม่รับค่าตอบแทน แต่ก็ต้องคำนึงอยู่เสมอว่าอาสาสมัครไม่มีหน้าที่ รับใช้ท่าน อาสาสมัครจะรับช่วยท่านเมื่อเขามีเวลาว่างจากเวลางานอาชีพ ของเขา |
ประสพการณ์และ
|